ในขณะที่ยักษ์ใหญ่วงการยานยนต์กำลังเร่งพัฒนารถกระบะไฟฟ้า แบรนด์รถยนต์จากจีนอย่าง MAXUS ได้ชิงความได้เปรียบด้วยการเปิดตัว eTERRON 9 กระบะไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดในตลาดยุโรป นับเป็นการประกาศศักดาของผู้ผลิตจากแดนมังกรบนเวทีโลก

eTERRON 9 มาพร้อมสเปกที่น่าประทับใจ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง พ่วงด้วยแบตเตอรี่ขนาด 88.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ให้ระยะทางวิ่งไกลถึง 425 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) และรองรับการชาร์จไฟเร็วสูงสุด 100 กิโลวัตต์ ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมืองได้อย่างลงตัว

ด้วยขนาดตัวถังที่ใหญ่โตสมฐานะรถกระบะ (ยาว 5,365 มม. กว้าง 1,900 มม. สูง 1,809 มม.) eTERRON 9 รองรับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 1 ตัน ไม่แพ้รถกระบะทั่วไป แถมยังทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 155 กม./ชม. ตอบโจทย์ทั้งงานหนักและความคล่องตัว

ภายในห้องโดยสาร MAXUS ไม่น้อยหน้า อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ทั้งจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเตือนการชนด้านหน้า และระบบช่วยเหลือการเปลี่ยนเลน ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งรถหรูมากกว่ารถกระบะทั่วไป

จุดขายสำคัญของ eTERRON 9 คือราคาที่เริ่มต้นเพียง 42,300 ยูโร (ไม่รวมภาษี) หรือราว 1.6 ล้านบาท ซึ่งถือว่าแข่งขันได้ในตลาดรถกระบะไฟฟ้า โดย MAXUS เริ่มวางจำหน่ายในสเปนเป็นประเทศแรก ก่อนจะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรป

การมาถึงของ eTERRON 9 สร้างความท้าทายให้กับค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่าง Ford ที่กำลังพัฒนา Ranger PHEV อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยข้อได้เปรียบทั้งด้านราคาและอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน MAXUS อาจดึงส่วนแบ่งตลาดจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถกระบะไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงได้

แต่ถึงกระนั้น เส้นทางสู่ความสำเร็จของ eTERRON 9 ในยุโรปก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ MAXUS ยังต้องพิสูจน์ตัวเองในหลายด้าน ทั้งการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพ การให้บริการหลังการขาย และการต่อสู้กับทัศนคติของผู้บริโภคที่อาจยังไม่คุ้นเคยกับแบรนด์รถจากจีน

อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของ eTERRON 9 ไม่เพียงแต่เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค แต่ยังอาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ตลาดรถกระบะไฟฟ้าในยุโรปคึกคักยิ่งขึ้น ผลักดันให้ผู้ผลิตรายอื่นต้องเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็คือผู้บริโภคนั่นเอง

ไม่ว่า MAXUS eTERRON 9 จะประสบความสำเร็จในยุโรปหรือไม่ แต่การเปิดตัวครั้งนี้ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการรถกระบะไฟฟ้า และเป็นสัญญาณชัดเจนว่า การแข่งขันในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลกกำลังทวีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ